“รถคอกเพลาลอย รถคอกซิ่ง”

“รถคอกเพลาลอย รถคอกซิ่ง”

                      รถกระบะถือเป็นรถที่ครองใจชาวไทยและมีจำนวนผู้ใช้มากมายไม่น้อยกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลประเภทอื่นๆ ทั้งใช้งานทั่วไป ใช้งานแบบครอบครัว รวมไปถึงการใช้รถกระบะในเชิงพาณิชย์  หรือ กระบะรับจ้าง   และในปัจจุบันการซื้อรถกระบะก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น   รถกระบะใหม่ป้ายแดง   หรือ   รถกระบะมือสอง

 

             ซึ่งหลายท่านก็นิยมนำรถกระบะคันโปรดไปดัดแปลงเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม และเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ รวมไปถึงเพื่อบรรทุกของหรือขนส่งสินค้าในการดำเนินธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัดเรามักจะพบเห็น รถกระบะตอนเดียวใส่คอก หรือ ใส่ตู้ทึบ ถูกใช้บรรทุก ผัก ผลไม้ และสินค้าด้านการเกษตรเป็นจำนวนมาก

            ดังนั้นสำหรับรถกระบะ  “สายพันธุ์รถคอก” การบรรทุกหนักถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้งาน ซึ่งประสิทธิภาพในเรื่องการบรรทุกหรือสมรรถนะในการบรรทุกของรถกระบะเดิม ๆ จากโรงงาน อย่างมากก็บรรทุกได้ไม่เกิน 1 – 2 ตัน นั่นก็ถือว่า “สูงสุด” ที่ทำได้แล้และที่สำคัญคือ  ไม่ใช่ว่าจะทำได้บ่อย ๆ เพราะยิ่งบรรทุกหนักเป็นประจำ ไม่นานเพลาเดิมที่ติดกับรถก็จะมีปัญหาตามมาอีกด้วย

 

4 ผลเสีย ที่เพลาท้ายรถกระบะของคุณต้องเจอหากบรรทุกหนักเกินไป

  • เริ่มด้วยที่ลูกปืนแตกบ่อย

            อาการแรกเริ่มเลย  เมื่อบรรทุกเกินความสามารถของตัวรถ   ทำให้มีผลต่อเพลาท้ายรถกระบะ ของคุณคืออาการ “ลูกปืนแตกบ่อย” เพราะต้องอย่าลืมว่า ด้วยประสิทธิภาพของลูกปืนล้อที่มากับรถจากโรงงานนั้น เขาผลิตมาเพียงเพื่อโดยสารและบรรทุกของได้อย่างมากก็แค่ 1-2 ตันตามที่กล่าวไปข้างต้นเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณใช้รถบรรทุกหนัก ๆ ที 4-5 ตัน ยังไงก็ยากที่ลูกปืนล้อจะรับน้ำหนักไหว ลูกปืนล้อแตกบ่อยจนทำให้คุณปวดหัวได้เลย

  • เพลาท้ายแอ่น เพลาขับล้อหลังกระบะคดงอ

                ขึ้นมาอีกระดับกับผลเสียของรถกระบะเดิม ๆ แต่ต้องรับน้ำหนักเกินตัว นั่นก็คืออาการ “เพลาท้ายแอ่น” คดงอ ด้วยความที่เนื้อเหล็ก ขนาด จนถึงส่วนประกอบของเพลาท้ายนั้นไม่ได้ทำออกมาเพื่อรับน้ำหนักได้มากเกินไป แต่ใครที่ใช้รถกระบะคอกขนของหนัก ๆ ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ขนได้ยิ่งเยอะเท่าไร กำไรก็ยิ่งมากขึ้นตาม จนอาจลืมไปว่ารถของคุณอาจรับไม่ไหว และอาการของเพลาท้ายแอ่น เสื้อเพลาแอ่นจะทำให้รถกินยาง การทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จนท้ายที่สุด “พัง” รถวิ่งไม่ได้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในระบบเสียหาย เช่น เพลาขับหรือชุดเฟืองท้าย 

  • เสื้อเพลาแตก

                อาการหนักยิ่งขึ้นที่เพลาท้ายไม่ได้แค่แอ่นแล้วตอนนี้ แต่หนักจน “เสื้อเพลาท้ายแตกร้าว”  น้ำมันเฟืองท้ายรั่วขณะขับขี่ เมื่อระบบไม่มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นชุดเฟืองท้ายทั้งชุดน้ำมันแห้ง สุดท้ายเฟืองท้ายก็พัง ต้องเปลี่ยนทั้งชุด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมเปลี่ยนชิ้นส่วนก็อาจจะไม่คุ้มกับกำไรที่ได้มาจากการบรรทุกหนัก ๆ เลยด้วยซ้ำ 

  • อุบัติเหตุ

                ผลเสียที่ร้ายแรงที่สุดและไม่มีใครอยากจะเจอนั่นก็คือเรื่องอุบัติเหตุ ที่จะตามมาเมื่อรถของคุณบรรทุกหนักเกินไป ทั้งการขับขี่ ความสามารถในการทรงตัวจะน้อยลง เมื่อรถต้องรับน้ำหนักมากขึ้น และนั่นจะแปรผันกับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ โอกาสที่รถจะเกิดอุบัติเหตุยิ่งสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

ปัญหาในการบรรทุก  “เพลาลอย”  ช่วยได้จากปัญหานำไปสู่    “ทางออก”

เปรียบเทียบระหว่าง เพลาลอยใหม่ กับ เพลาเดิม(เพลาจม) ที่ติดรถมา

                  สำหรับใครที่ยังลังเลเรื่องของการเปลี่ยน  เพลาลอยใหม่  ให้กับรถที่ใช้ทำมาหากินของคุณ ว่าควรจะเปลี่ยนดีไหม ?  จะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือเปล่า ?  หรือจะเลือกใช้งานบรรทุกไปแบบ “เดิม ๆ”  ด้วย เพลาเดิม หรือ เพลาจม ที่ติดมากับรถก็พอแล้ว  แบบไหนจะดีกว่ากัน ?

                 วันนี้ทางทีมงานเสรีไทยรถสวยจะพาทุกคน โดยเฉพาะใครที่เป็นสาวกรถคอก สิงห์รถคอก “ต้องห้ามพลาด”  กับการเปรียบเทียบระหว่างเพลาทั้งสองประเภท

“เพลาลอย”  และ  “เพลาจม” 

ถึงความต่างและสิ่งที่คุณจะได้  “มากกว่า” ถ้าเลือกเปลี่ยนมาใช้ เพลาลอย

1. บรรทุกได้มากกว่า

                จุดเด่นแรกและสำคัญที่สุดของ เพลาลอยใหม่ ที่เหนือกว่า เพลาเดิม ติดรถนั่นก็คือเรื่องของความแข็งแรงที่มีมากกว่า  รับน้ำหนักได้มากกว่าเป็นเท่าตัว  รู้กันดีในสายกระบะคอก กระบะเน้นบรรทุกว่าเมื่อรถถ้าบรรทุกได้หนักเท่าไร กำไรก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เทียบกับเพลาเดิมติดรถซึ่งบรรทุกได้สูงสุดก็แค่ 1-2 ตัน กับเพลาลอยที่รับน้ำหนักได้อยู่ที่ 4-5 ตัน ความต่างมันชัดเจนอยู่แล้ว มองง่าย ๆ รถที่ใช้เพลาเดิมต้องบรรทุกถึง “สองเที่ยว” กว่าจะบรรทุกได้เท่ารถที่ใช้เพลาลอย  

2. ความทนทาน มีมากกว่า

                กระบะเพลาเดิมติดรถ ถ้าบรรทุกหนักวิ่งใช้งานบ่อย ๆ บอกเลยว่า “ซ่อมบาน” แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของลูกปืนล้อที่เสียบ่อยที่สุด หรืออาการเสื้อเพลาแตก เฟืองท้ายเสีย และอาการพังอื่น ๆ ที่จะตามมาทั้งซ่อมเบาซ่อมหนักอีกมากมาย ความทนทานเทียบไม่ได้เลยกับเพลาลอยใหม่ที่ประสิทธิภาพสูงกว่าชัดเจน ผลิตออกมาเทียบเท่ากับของรถบรรทุก ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องความทนทานยังไงเพลาเดิมติดรถก็สู้เพลาลอยใหม่ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

3. ค่าซ่อมบำรุงประหยัดกว่า

            เมื่อทนกว่าเรื่องการซ่อมก็จะน้อยลง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะมีถูกกว่าโดยปริยาย ไม่เพียงเท่านั้นเพลาเดิมติดรถกระบะรุ่นใหม่ ๆ ถ้าพังที่ชิ้นส่วนไหนขึ้นมาก็ใช่ว่าอะไหล่จะถูก แต่สำหรับเพลาลอยที่สามารถใช้อะไหล่ร่วมได้กับเพลาแอ้วทุกชิ้น อะไหล่ราคามาตรฐาน ไม่สูงเกินไปแถมยังมีทางเลือกในส่วนของอะไหล่มือสองใช้ทดแทนได้ด้วย ดีกว่าในทุกมิติ 

4. ความปลอดภัยที่มากกว่า

            ทุกคนต่างรู้ว่ารถเมื่อบรรทุกหนักขึ้นประสิทธิภาพในการขับขี่ควบคุมก็จะลดลง นำมาซึ่งเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ ทั้งเรื่องการควบคุม การเบรก จะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง  แต่สำหรับ ชุดเพลาลอย แม้จะบรรทุกหนักแค่ไหนก็วางใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ทั้งระบบเบรกที่ดีขึ้นกว่าชุดเบรกติดรถ และความสามารถในการทรงตัวจากระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น 

ส่วนประกอบและข้อดีของเพลาลอย "ที่เพลาจมเดิม ๆ ติดรถให้คุณไม่ได้"

1. เพลาลอย เสื้อเพลาจะใหญ่กว่า

ทำหน้าที่   :  ส่วนสำคัญสุดในการรับน้ำหนักจากตัวรถและน้ำหนักของสินค้าโดยตรง

            เสื้อเพลาลอย คือ ชิ้นส่วนนี้เป็นชิ้นส่วนหลักสำคัญในการทำงาน ตัว “เสื้อเพลา” ที่คุณจะสังเกตได้ทันทีถึงความแตกต่างในเรื่องของขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด นำมาซึ่งความแข็งแรงแข็งแกร่งที่มากกว่า เมื่อขึ้นชื่อว่ารถกระบะสายบรรทุก “รถคอก” ก็จะก้าวขั้นกว่าแค่การบรรทุกธรรมดา เรื่องความแข็งแรงของส่วนต่าง ๆ ในการช่วยรับน้ำหนักจึงเข้ามามีส่วนสำคัญอย่างปฎิเสธไม่ได้

2. ลูกปืนล้อไม่แตกง่าย จัดเต็มให้ฝั่งละ 2 ตลับ

ทำหน้าที่    :       รับน้ำหนักจาก Chassis และส่งผ่านกำลังแรงบิทจากเพลาข้างไปยังล้อรถ

            รถที่ใช้เพลาเดิมพอบรรทุกหนัก ๆ หนึ่งปัญหาที่รถหลายคันมักเจอนั่นก็คือ ลูกปืนล้อแตกบ่อย แต่กับชุดเพลาลอยจะไม่เจอปัญหานั้นอีกต่อไป ด้วยความแข็งแกร่งที่ได้มาจากลูกปืนล้อที่มากกว่า เพิ่มมาเป็น 2 ตลับต่อฝั่งระบบการทำงานเช่นแบบเดียวรถบรรทุก 4 ล้อเล็ก แกร่งกว่า ทนกว่า บรรทุกเต็มคอกหรือล้นคอกยังไงก็หมดกังวลจากปัญหาลูกปืนล้อแตกอีกต่อไป 

3. เฟืองท้าย 

ทำหน้าที่  :         ส่งผ่านแรงบิดจากเกียร์ไปยังเพลาข้าง       

            การเลือกรอบเฟืองท้าย ขึ้นอยู่กับรอบเครื่องยนต์และรอบเกียร์ที่ใช้อยู่ เพื่อให้ได้สมรรถนะโดยรวมของรถกระบะบรรทุกสูงสุด

4. เพลาข้างที่มากับชุดเพลาลอยใหญ่กว่า

ทำหน้าที่   :        ส่งผ่านแรงบิดจากเฟืองท้ายไปยังดุมล้อ เพลาข้างที่ดีต้องทนแรงบิดได้สูง

            จากเสื้อเพลาที่ใหญ่กว่าเดิมจะทำงานร่วมกับเพลาข้างที่ใหญ่ขึ้นด้วย แม้ชุดเพลาลอยใหม่นี้จะสามารถใช้ได้กับชุดเฟืองท้ายเดิมที่มากับรถเพื่อประสิทธิภาพ ทำให้การขับขี่มีอัตราเร่งที่ดีเหมือนเดิม ไม่มีตก ไม่กินน้ำมันเพิ่มขึ้น ที่สำคัญชุดเฟืองท้ายเดิมยังสามารถใช้ร่วมกับเพลาข้างที่มากับชุดเพลาลอยได้เลย “ไม่ต้องมีการดัดแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น” แกร่งทั้งภายนอกจากเสื้อเพลา และแกร่งจากภายในด้วยเพลาข้างที่ใหญ่ขึ้นจะบรรทุกหนักแค่ไหนรถของคุณก็พร้อมเผชิญ   กระบะเดิมโรงงานจากเจ้าไหนที่นิยามรถตัวเองว่าเป็นกระบะแกร่ง เจอเพลาข้างที่มากับเพลาลอยเข้าไปยังไงก็ต้องหลบ  รับประกันได้เลย!!

5. ระบบเบรกมั่นใจได้มากกว่า (จานเบรก และ แผงเบรก)

จานเบรกทำหน้าที่  :       ลดความเร็ว ด้วยวัสดุเนื้อเหล็กอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าหยุดกะทันหันได้ทันที

แผงเบรกทำหน้าที่  :        ลดความเร็ว ของจานเบรก ด้วยแม่ปั๊มแผงเบรก ข้างละ 2 ตัว ช่วยให้มั่นใจเมื่อบรรทุกสินค้าน้ำหนักมาก

            แม้ว่ากระบะของคุณจะเป็นรุ่นท็อปที่มากับระบบห้ามล้อเบรกแบบขั้นเทพแค่ไหน แต่เมื่อต้องเจอกับการใช้งานที่บรรทุกหนัก ๆ เกินตัว 4-5 ตันที ก็ต้องยอมว่าประสิทธิภาพในการเบรกย่อมลดลง แต่กับระบบเบรกที่มากับชุดเพลาลอยจะสามารถมอบความมั่นใจให้กับคุณได้มากกว่า  จากปั๊มเบรกขนาดใหญ่ถึงฝั่งละ 2 ปั๊ม (เดิมติดรถให้มาแค่ฝั่ง 1 ปั๊ม) พร้อมกับผ้าเบรกขนาดที่หน้าสัมผัสใหญ่กว่าเดิม ให้คุณมั่นใจได้ในทุกครั้งที่แตะเบรก แม้ตอนที่บรรทุกหนัก ๆ ก็ปลอดภัยได้มากกว่า 

6. หัวดุม และ น็อตล้อที่ใหญ่ขึ้น 

            ได้ถูกสร้างมาเพื่อบรรทุกหนักโดยเฉพาะ รับแรงได้เยอะ และ ได้จำนวนน็อตล้อถึง 6 ตัวใหญ่ต่อล้อ

เพียงเท่านี้คุณก็น่าจะตัดสินใจเลือกเปลี่ยนมาใช้เพลาลอยได้แล้ว จากคุณสมบัติที่มีเหนือกว่าเพลาเดิมหลาย ๆ ข้อที่ทางทีมงานเสรีไทยรถสวยนำมาฝาก

อยากรู้ไหมว่าเพลาลอยนั้นมีแบบไหนบ้าง ?
และแบบไหนที่เเหมาะกับการใช้งานและเหมาะกับรถของคุณมากที่สุด
ทีมงานเสรีไทยรถสวยจะมาเล่าให้ฟังคะ

                       เพลาลอยรถกระบะ แน่นอนอยู่แล้วว่าจะเป็นเพลาหลังที่ลักษณะการทำงานแตกต่างจาก เพลากระบะ เดิม ๆ ที่มาจากโรงงาน ซึ่งคุณสมบัติเด่นของเพลาลอยนั่นก็คือ จะเพิ่มความสามารถให้รถกระบะของคุณรับน้ำหนักในการบรรทุกได้มากขึ้น  เทียบชั้นได้กับรถบรรทุก 6 ล้อ, 10 ล้อ จากความแข็งแรงในส่วนของเพลาลอยที่มีมากกว่าเพลาเดิมจากโรงงาน  

โดยตัวเพลาลอยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. เพลาลอยมือสอง ดัดแปลง หรือ “”เพลาลอยแอ้ว”

           การนำเพลาลอยเก่าที่เคยใช้งานอยู่ในรถบรรทุก 4 ล้อเล็กที่มีชื่อว่า “Isuzu ELF” หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “เพลาลอยแอ้ว” มาดัดแปลงส่วนต่าง ๆ ให้เข้ากับตัวรถกระบะ เพื่อเพิ่มความสามารถในด้านการบรรทุกให้ดียิ่งขึ้น ดัดแปลงแทบจะทุกส่วนของตัวเพลา ไล่ไปตั้งแต่ส่วนของเฟืองท้าย, เพลากลาง, แป้นแหนบ ฯลฯ เพื่อให้เข้าได้กับตัวรถคันที่จะใส่เข้าไป

         แม้จะดูเหมือนว่าความแกร่งในการรับน้ำหนักจะมีมากขึ้นเพราะใช้เพลาของรุ่นใหญ่เข้ามาช่วยในการบรรทุก อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นชื่อว่า “ดัดแปลง” คำว่าจบอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอ ต้องอาศัยช่างที่ “มือถึง” เท่านั้นถึงจะใช้งานตัวรถได้อย่างไม่มีปัญหามากวนใจ อีกทั้งปัญหาในเรื่องเฟืองท้ายหอนและรถกินน้ำมันมากขึ้นคือสิ่งที่คุณจะต้องได้เจอแน่ ๆ เมื่อเลือกใช้เพลาลอยมือสอง

2. เพลาลอยใหม่ ทำสำเร็จออกมาสำหรับกระบะแต่ละรุ่น

                เป็นเพลาลอยที่ผลิตออกมาใหม่มือหนึ่งให้ความแข็งแกร่งทนทานรับน้ำหนักในการใช้งานได้เทียบเท่ากับเพลาลอยมือสองของรถบรรทุกสี่ล้อเล็ก ระบบการทำงานคล้ายกันกับระบบเพลาแอ้วรวมไปถึงส่วนอะไหล่ยังใช้แทนกันได้หมด แต่ที่ดีกว่าคือ “ไม่ต้องดัดแปลง” ให้ยุ่งยาก เป็นเพลาลอยที่แต่ละชุดทำออกมาสำหรับกระบะแต่ละรุ่นโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ในส่วนของเฟืองท้าย เพลาลอยประเภทนี้เปลี่ยนใส่กับชุดเฟืองท้ายเดิมที่มากับรถยกชุดได้เลยทันที ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะไม่ต่างไปจากเดิมมากเหมือนใช้งานเพลาลอยมือสอง อีกทั้งในส่วนของจุดยึดต่าง ๆ เพียงขันน็อตก็ใส่ได้แล้ว ไม่ต้องตัดต่อดัดแปลงให้เสียรถมากเกินความจำเป็น


                 อีกข้อสำคัญที่ทำให้เพลาลอยประเภทนี้ กำลังมาแรงเป็นที่นิยมอย่างมากของสาวกรถคอกทั้งหลายนั่นก็คือ ตัวระบบสามารถใช้ร่วมกับสายเบรกมือเดิมที่มากับรถได้เลย จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เหมือนเพลาลอยมือสองดัดแปลงที่จะต้องตัดออกไป ไม่มีเบรกมือให้ใช้งาน เสี่ยงวิ่งไปให้ผิดกฎหมายอีกต่างหาก

                ถ้าเหตุผลหลัก ๆ ของการใช้กระบะของคุณคือเรื่องของการบรรทุก บอกเลยว่าการเปลี่ยนมาใช้เพลาลอยเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้ ช่วยให้รถของคุณบรรทุกได้มากกว่า กำไรก็มากขึ้น หมดปัญจุกจิกตามมา และจากประเภทเพลาลอยทั้งสองแบบที่ทางทีมงานเสรีไทยรถได้นำมาให้นี้ คุณน่าจะรู้คำตอบแล้วใช่ไหมว่าเพลาลอยแบบไหน ประเภทไหน เหมาะกับรถของคุณมากที่สุด

  3 ประโยชน์หลักของเพลาลอย

 

  • รับน้ำหนักได้มากขึ้น บรรทุกหลังกระบะได้แบบ “จุใจ”
  • ช่วยการทรงตัว “ขับขี่ได้มั่นใจปลอดภัยได้มากกว่า”
  • เส้นทางโหดแค่ไหน กระแทกแรง ๆ ไม่มีหวั่น

 

  วิธีการดูแลรักษาสำหรับรถที่ใช้เพลาลอย

                       หลายคนนำรถกระบะไปติดตั้งเพลาลอยเรียบร้อย พอใช้งานไปสักระยะก็พบปัญหาลูกปืนแตก น็อตล้อขาด เฟืองท้ายมีเสียงดัง ปัญหาแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นทีละอย่างหรือเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันก็ได้ ซึ่งจะ แยกเป็น 3 กรณี คือ

  • ลูกปืนแตก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบหล่อลื่น คือ จาระบีอาจเสื่อมสภาพทำให้การหล่อลื่นมีปัญหา วิธีป้องกันปัญหานี้ก็คือให้หมั่นตรวจสภาพจาระบี และควรเปลี่ยนทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร
  • น็อตล้อขาด เมื่อรถกระบะต้องบรรทุกหนักจึงต้องมีการเปลี่ยนยางและเปลี่ยนล้อรถเร็วกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไป คือ ทุก ๆ 20,000 กิโลเมตรก็ต้องเปลี่ยนแล้ว เมื่อต้องเปลี่ยนล้อยางบ่อย ๆ จึงทำให้น็อตล้อนั้นเสื่อมสภาพเร็วและขาดได้ง่าย วิธีป้องกันก็คือ ให้เปลี่ยนน็อตล้อใหม่ทั้ง 6 ตัวทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนล้อ
  • เฟืองท้ายมีเสียงดัง เป็นปัญหาที่เกิดจากน้ำมันเฟืองท้ายเสื่อมสภาพหรือใช้น้ำมันผิดเบอร์ วิธีป้องกันก็คือ เลือกใช้น้ำมันเฟืองท้ายให้ถูกต้องและควรเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร

  ปัญหาเพลาลอย ที่คนใช้รถกระบะควรจะต้องรู้ !

               อย่างไรก็ตามแม้เพลาลอยจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีประเด็นสำคัญที่คนที่มีรถกระบะติดตั้งเพลาลอยควรจะต้องรู้  ซึ่งทางทีมงานเสรีไทยรถสวยได้รวบรวมออกมาเป็น 8 ประเด็น  จะมีเรื่องใดบ้างที่ควรจะต้องรู้   ไปติดตามกันได้เลยคะ

1. รถกระบะสายย่อติดตั้งเพลาลอยดีหรือไม่

            เจ้าของรถกระบะหลายคนเริ่มต้นอาจไม่ได้คิดจะใช้งานบรรทุกหนักอะไรจึงนำไปแต่งโหลดให้รถสวยงาม แต่เมื่อถึงเวลาต้องเอาไปใช้งานบรรทุกจึงคิดว่าควรจะต้องนำรถไปติดตั้งเพลาลอยเพิ่มเพื่อให้บรรทุกหนักได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ จริง ๆ รถกระบะทุกแบบสามารถติดตั้งเพลาลอยได้ แต่ถ้าเป็นกระบะสายย่อก็แนะนำว่าไม่ควร เพราะรถกระบะที่โหลดเตี้ยนั้นแหนบจะแข็งตรง จึงทำให้ไม่สามารถรับแรงกระแทกเวลาบรรทุกหนักได้ หากฝืนติดตั้งไปก็จะทำให้เจอปัญหาเสื้อเพลาและลูกปืนแตกนั่นเอง

2. รถเพลาลอยใส่ล้อแบบไหนถึงจะเหมาะ

            รถเพลาลอยควรใส่ล้อแบบกระทะ ขนาด 7 นิ้ว เพราะล้อแบบกระทะมีความแข็งแรงทนทานเหมาะกับรถที่ต้องการบรรทุกหนักอยู่แล้ว แต่ล้อกระทะจะมีข้อเสียในเรื่องของการระบายความร้อน ส่วนใครที่ต้องการใส่ล้อแม็กกับรถเพลาลอยก็สามารถใส่ได้เช่นกัน ขนาดที่เหมาะก็คือ 7. – 7.5 นิ้ว ในเรื่องความทนทานเหมาะกับการบรรทุกนั้นอาจจะสู้ล้อกระทะไม่ได้ และในเรื่องราคาก็สูงกว่าด้วย

3. ตรวจสภาพเช็คระยะเพลาลอยควรทำเมื่อไหร่

            ถ้าเป็นรถติดตั้งเพลาลอยใหม่ ควรตรวจเช็คสภาพเมื่อครบ 1,000 กิโลเมตร การตรวจสภาพเพลาลอยก็จะมีการเช็คน๊อตล้อ เช็คดุมล้อ เช็คสภาพเบรก และการตรวจสอบเฟืองท้ายร่วมด้วย ซึ่งกรณีที่เป็นเพลาลอยใหม่ก็ควรจะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายเมื่อครบ 1,000 กิโลเมตร เพื่อทิ้งเศษสิ่งสกปรกที่อาจปนน้ำในน้ำมันเฟืองท้ายออกไป หลังจากนั้นก็ให้เปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร

4. การปรับตั้งเบรกสำหรับรถเพลาลอยควรทำเมื่อไหร่

            สำหรับรถเพลาลอยควรมีการนำไปปรับตั้งเบรกทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เนื่องจากเมื่อมีการใช้รถไปนาน ๆ จากการที่รถต้องรับน้ำหนักบรรทุกมาก ก็จะทำให้ผ้าเบรกและจานเบรกสึกเร็วขึ้น เบรกจะห่าง ทำให้เบรกจมเวลาเหยียบ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการนำมาตั้งค่าใหม่ หลักการจำง่าย ๆ ก็คือ เมื่อนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายก็ให้ตั้งเบรกไปพร้อม ๆ กันเลยนั่นเอง

5. ขับขี่อย่างไรไม่ให้เพลาข้างพังเร็ว

            รถเพลาลอยจะพบปัญหาเพลาข้างขาดบ่อย ซึ่งการที่เพลาข้างขาดนั้นก็มาจากลูกปืนล้อหลวม ทำให้เพลาข้างต้องเสียดสีเวลาขับขี่ และถ้าเป็นรถเพลาลอยที่เป็นรถบรรทุกผลผลิตทางการเกษตรก็จะพบปัญหาเรื่องเฟืองรูดเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งวิธีขับขี่ที่ช่วยให้เพลาข้างไม่เสียหายเร็วก็คือ  อย่าออกตัวแรง ให้ขับช้า ๆ เวลาออกตัวใช้เกียร์ 1 เท่านั้น เท่านี้ก็ช่วยยืดอายุเพลาข้างได้แล้ว

6. การติดตั้งเพลาลอยกับการย้ายแหนบ เมื่อไหร่ที่ควรย้าย

            คนที่มีรถ 4WD ส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาสงสัยว่า ถ้าต้องการที่จะติดตั้งเพลาลอยจะย้ายแหนบอย่างไรดี ก็แนะนำแบบนี้กรณีที่รถไม่ได้มีการเสริมแหนบเพิ่ม หรือเสริมมาแต่ไม่ได้หนา ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายแหนบ สามารถติดตั้งเพลาลอยได้เลย แหนบจะอยู่ตรงหลังเพลาซึ่งไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ถ้าในกรณีที่รถเสริมแหนบมาและแหนบค่อนข้างหนา แบบนี้ก็ควรมีการย้ายแหนบจากด้านบนลงด้านล่างเพื่อไม่ให้ท้ายรถสูงเกินไป

            ทั้งหมดนี้คือ  6  ประเด็นสำคัญที่คนมีรถกระบะติดตั้งเพลาลอยควรจะต้องรู้เอาไว้ จะได้ใช้รถและดูแลเพลาลอยที่ติดตั้งมาได้อย่างถูกต้อง ถูกวิธี อันจะช่วยให้การขับขี่และการบรรทุกเป็นไปอย่างราบรื่น หวังว่าคงจะเป็นสาระที่มีประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย

  ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแหนบ

ว่าด้วยเรื่องของแหนบ ความหมายของ “แหนบ”  คือ เหล็กสปริงลดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถ ขณะเคลื่อนที่ผ่านถนนขรุขระ โดยเป็นตัวกลางที่อยู่ระหว่างตัวรถ (Chassis) กับ เพลาล้อรถ (Axis) ด้วยเหตุนี้รถกระบะที่ต้องการแบกรับน้ำหนักบรรทุกที่มากขึ้น จึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง ของแหนบให้หนาขึ้นด้วยแผ่นแหนบเสริม

            แหนบเสริม   มีไว้ช่วยเพิ่มความสามารถการรับน้ำหนักสินค้าได้มากขึ้น  มีหลายแบบ   คือ

  • แหนบเก่า เป็นแหนบรถบรรทุก 4 ล้อ 6 ล้อขนาดกลาง มาดัดแปลงให้มีขนาดความกว้างเท่ากับแหนบรถกระบะ
  • แหนบใหม่ เป็นแหนบโรงงาน ที่ผลิตตามขนาดความกว้างหน้าแหนบเท่ากับแหนบกระบะ ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายไปตัดแต่งอีก ขนาดที่นิยม ได้แก ขนาดความหนา 12 MM  และ 16MM
การทำงานของแหนบ

            แหนบ   (Leaf spring)   ทำงานโดยอาศัยการโค้งงอหรือแอ่นของแผ่นเหล็กสปริงซางโค้งเป็นรูวงรี โดยติดตามแนวยาวกับตัวรถทั้งสองข้างล้อ ล้อละ1ตับ หรือติดขวางกับตัวรถแล้วแต่ผู้ออกแบบ

            แหนบตับ  (Multileaf spring)   ประกอบด้วยแหนบหลายแผ่นที่มีขนาดความยาวแตกต่างลดหลั่นกันตามลำดับวางซ้อนกันเป็นตับ   ตรงกลางมีรูโดยการใช่สกรูยืดให้ทุกๆแผ่นติดกัน   เรียกว่า  “สะดือแหนบ” (center bolt) 

            เมื่อล้อเต้นขึ้นลงหรือตกหลุมทำให้แหนบเด้งขึ้นลงตาม ส่วนปลายแหนบก็จะอ้าออกจากกัน เพื่อป้องกันการแยกออกของแผ่นแหนบจึงจำเป็นต้องมีเหล็กรัดแหนบ หรือที่เรียกว่า  “แหนบตัวรัด” (rebound clips)  

            ลักษณะของแหนบตัวที่หนึ่งจะมีลักษณะเป็นตัวยางที่ปลายทั้งสองข้างม้วนเป็นวงกลม    เรียกว่า

 “ตัวหู”  (spring eyes)   เป็นตัวยึดกับโครงรถโดยมี  “บู๊ชหูแหนบ”  (bushings)  มีหน้าที่ป้องกันหูแหนบสึกเร็ว ซึ่งบู๊ชส่วนมากทำด้วยยางและทองเหลือง

            ส่วน “สลักแหนบ”  (spring bolts)  เป็นตัวยืดตรึงให้แหนบอยู่กับที่และรับแรงทางด้านต่างๆ จากเพลาล้อผ่านแหนบเข้าสู่โครงรถ  เช่น  แรงจากการเบรกทำให้แรงจากเบรกล้อผ่านแหนบเข้าสู่โครงรถ เป็นต้น

            ส่วนปลายแหนบอีกด้านหนึ่งมี “โตงเตงหูแหนบ”  (spring shankle) เป็นตัวแขวนแหนบเข้ากับ “เต้าโตงเตงหูแหนบ”  (shankle bracket) ซึ่งยึดแน่นกับโครงรถ โตงเตงหูแหนบสามารถโยกแกว่งไปแกว่งมาบนเต้าโตงเตง หรือที่เรียกว่า   “ตุ๊กตา”   ทำให้แหนบสามรถปรับความยาวได้เพราะขณะรับน้ำหนักภาระต่างๆ แหนบจะแอ่นตัวและความยาวเพิ่มขึ้น ขณะที่ล้อลงหลุมแหนบจะฟรีไม่รับน้ำหนัก ความยาวของแหนบจะลดลงเพราะความโค้งของแหนบที่ได้รับการออกแบบไว้

            แหนบบางตับจะเพิ่มความแข็งแรงให้กับหูแหนบโดยการม้วนปลายทั้งสองข้างของแผ่นที่สองให้รัดครอบหูแหนบของแผ่นแรกอีกครั้งหนึ่ง  เรียกว่า  “2 งอ”  และถ้าจะให้แข็งแรงมากขึ้นก็ควรเสริมตัวตรงอีก 1 ตัว (สำหรับรถใช้บรรทุกหนัก)

อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก : https://www.yongkee.com

เพลาลอยติดตั้งแหนบอย่างไรถึงจะเหมาะสม

            ปกติแล้วรถกระบะจะบรรทุกน้ำหนักโดเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 4 – 6 ตัน เมื่อมีการนำมาติดตั้งเพลาลอยพร้อมกับเสริมแหนบจึงเกิดปัญหาว่า ไม่รู้จะติดตั้งแหนบขนาดไซส์ไหน และติดแหนบข้างละกี่แผ่นดี ใประเดนนี้สิ่ง ที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ แหนบของรถกระนั้นที่ใช้กันอยู่ก็จะมีอยู่  2 ขนาด  คือ  ความหนา 12 มม. กับ   ความหนา 16 มม.
                        น้ำหนัก 4 – 6 ตัน หากเลือกความหนา12 มม. แนะนำให้ติดตั้งข้างละ 8 แผ่น
                        น้ำหนัก 4 – 6 ตัน หากเลือกความหนา16 มม. แนะนำให้ติดตั้งข้างละ 6 แผ่น

ราคาแหนบเสริม โดยประมาณ  ราคาแผ่นละ  500  –  1,000   บาท แล้วแต่ร้านคะ)

ข้อแนะนำในการบำรุงรักษาและยืดอายุการใช้งานของแหนบ
  • อย่าบรรทุกน้ำหนักเกินมาตรฐานกำหนด
  • หลีกเลี่ยงหลุมบ่อระหว่างทางที่ขับรถผ่าน
  • ระหว่างการใช้งานถ้าได้ยินเสียงผิดแกติทางด้านหลังของแหนบควรจอดรถตรวจดู
  • อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับแหนบทั้งหมดต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีเสมอ
  • ถ้ามีอะไรผิดปกติที่เกี่ยวกับแหนบควรตามหรือปรึกษาช่างที่ชำนาญเกี่ยวกับแหนบ
  • ถ้าแหนบหักควรเปลี่ยนแหนบที่มีมาตรฐานรับรองจากโรงงานและเชื่อถือได้เท่านั้น
  • ห้ามดัดแปลงชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแหนบด้วยตัวเอง
  • ควรตรวจสอบเกี่ยวกับจารบีที่หูแหนบอยู่เสมอเพื่อแหนบจะทำงานได้คล่องตัวขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแหนบโดยส่วนใหญ่
  • ขาดการเอาใจใส่ดูแลสภาพของแหนบตัว
  • ไม่มีการซ่อมบำรุงรักษาที่ถูกวิธี
  • บรรทุกน้ำหนักเกินขีดจำกัดตลอดเวลาที่ใช้งาน
  • มักจะเจอช่างที่แนะนำให้ใช้แหนบที่ราคาถูกเกินไป (หรือแหนบเก่า)
  • ใช้งานในพื้นที่ ๆ มีความชื้นสูงหรือติดกับน้ำทะเลเป็นประจำ
  • เลือกใช้แหนบผิดสเป๊กของรถหรือขนาดของรถ
  • นำแหนบไปดัดแปลงผิดวิธีหรือไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับแหนบ

  เรามาดูในส่วนของโช๊คกันบ้าง

ทำไมถึงต้องไขว้โช๊ค ? โช๊คอัพมีหน้าที่ทำอะไร ?

            โช๊คอัพมีหน้าที่ ดูดซับแรงสั่นสะเทือน ดังนั้นจึงต้องใช้โช๊คอัพเข้ามาช่วยในการซับแรง และยังช่วยให้คุณสมบัติในการเกาะถนนของยางดีขึ้นและช่วยให้เสถียรภาพในการทรงตัวดีขึ้น

            ซึ่งในรถกระบะที่ด้านหลังเป็นแหนบก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากแหนบก็ถือว่าเป็นสปริงชนิดหนึ่ง เมื่อเกิดการกระแทกขึ้นก็จะเกิดการเต้นของสปริง  หรือเมื่อเกิดการหมุนของเพลากลาง แหนบก็จะรับแรงหมุนทำให้เกิดการบิดตัวได้

            ดังนั้นการใส่โช๊คอัพให้ไขว้กัน หรือจะใส่แบบทแยง  หรือใส่แบบเอียงเข้าหากัน ก็เพื่อซับแรงเต้นและแรงบิดตัวของแหนบ ตามแรงที่เกิดขึ้นในแนวนอนของแผ่นแหนบ ซึ่งจะแตกต่างจากด้านหน้าที่เป็นสปริงแบบขด แรงเต้นส่วนใหญ่จะเกิดตามแนวตั้งมากกว่าคะ

เพลาลอยมีกี่รุ่น แต่ละรุ่นมีข้อดียังไงบ้าง ?

ในปัจจุบันร้านที่จำหน่ายและบริการติดตั้งเพลาลอยนั้นมีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อมากมาย

เรามาดูกันว่า  “เพลาลอยรถกระบะ”  มีกี่รุ่น แล้วแต่ละรุ่นนั้นมีข้อดียังไงบ้าง

ทางทีมงานเสรีไทยรถสวยได้รวบรวมมาให้บางส่วนแล้วคะ

เพลาลอย VFORE

VFORCE แข็งแรง ทนทาน คุ้มค่า
อะไหล่ใหม่ทุกชิ้น เสื้อเพลาใหญ่กว่าเดิม
ลูกปืนใหม่ญี่ปุ่นแท้ พร้อมรับประกัน 6 เดือน

เหตุผลที่ลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความไว้วางใจ ?

เปิดบริการมานานกว่า 40 ปีปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการมากถึง 3 สาขา

  • สาขาตลาดน้อย (วงเวียนโอเดี่ยน)
  • สาขาบางนา ก.ม.12 (โครงการเมืองเซียงกงบางนา)
  • สาขาวังน้อยอยุธยา (โครงการเมืองเซียงกงวังน้อย)

คือ ศูนย์รวมอะไหล่ดีเซลจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งรถกระบะ รถตู้รถ 4 ล้อใหญ่ และรถ 6-10 ล้อ และอะไหล่ตรงรุ่นรถบ้านเรา เช่น รถกระบะ D-MAX VIGO TRITUN BIG-M TFR MTX CHEVROLET FORD ฯลฯ เป็นต้น และทางเรามีอะไหล่สำหรับประกอบเพลาลอย โดยทางเรามีช่างมืออาชีพ ที่มีความชํานาญ มีประสบการณ์ ผ่านการอบรมด้านอะไหล่ครบวงจร มีการรับประกันคุณภาพสินค้าภายใน 14 วัน สำหรับสินค้าเก่า และรับประกันคุณภาพสินค้าใหม่  1  เดือน มีบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 1 วัน และจัดส่งต่างประเทศโดยระยะวันขึ้นอยู่กับระยะห่างแต่ละประเทศเราสัญญาว่า จะมุ่งมั่นใส่ใจทุกรายละเอียดในการส่งมอบอะไหล่ เพื่อให้ท่านมั่นใจในทุกบริการ

!!!  สอบถามราคาได้ที่ช่องทางติดต่อคะ !!!
(อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก https://horyai.com/ )

เพลาลอยโปร (PRO)

เพลาลอย  PRO ABS  
นวัตกรรมล่าสุด!  เพื่อวงการเพลาลอยไทย ใช้ได้ทุกรุ่นที่มี  ABS  ของ DMAX, REVO, TRITON, FORD,NAVARA, 4X4  ทุกรุ่น (เกียร์โฟร์ทำงานปกติ) รับประกัน  3   ปี   สินค้าได้มาตรฐาน ISO9001

จุดเด่นเพลาลอยโปรคืออะไร?

  • จะใส่เฟืองเดิมก็ได้ , เฟืองแอ้วก็ได้
  • แขนเพลาขนาดใหญ่ หนาและแข็งแรงกว่าปกติ
  • ใช้อะไหล่ร่วมกับเพลาแอ้วตลาดได้ 99%
  • แขนเพลายาวข้างละ 31นิ้ว , 32นิ้ว ก็ได้ (ไม่ตัดต่อ)
  • ใส่รถรุ่นไหนก็ได้
  • สั่งให้ล้อยื่นหรือหุบเท่าไหร่ก็ได้
  • เบรกมือใช้แบบตรงรุ่น สามารถแยกคนละระบบกับเบรกเท้า
  • ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ของคุณที่สุด

จุดเด่นเพลาลอยโปรคืออะไร?

  • จะใส่เฟืองเดิมก็ได้ , เฟืองแอ้วก็ได้
  • แขนเพลาขนาดใหญ่ หนาและแข็งแรงกว่าปกติ
  • ใช้อะไหล่ร่วมกับเพลาแอ้วตลาดได้ 99%
  • แขนเพลายาวข้างละ 31นิ้ว , 32นิ้ว ก็ได้ (ไม่ตัดต่อ)
  • ใส่รถรุ่นไหนก็ได้
  • สั่งให้ล้อยื่นหรือหุบเท่าไหร่ก็ได้
  • เบรกมือใช้แบบตรงรุ่น สามารถแยกคนละระบบกับเบรกเท้า
  • ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ของคุณที่สุด
!!!  สอบถามราคาได้ที่ช่องทางติดต่อคะ !!!  (อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก https://เพลาลอย.com/ )

เพลาลอย  TCPY

ชุดเพลาลอยกระบะสำเร็จรูป TCPY  !! เพลาท้ายของใหม่ !!  เจ้าแรกที่ทุกคนนิยมเป็นจำนวนมาก สำหรับกระบะบรรทุกหนัก และ สำหรับกระกระบะ 1 ตัน ทุกรุ่น  สามารถติดตั้งได้ทันที รับประกันเสื้อเพลานานถึง  2  ปี
จุดเด่นของเพลาลอย TCPY
  1. แก้ปัญหาลูกปืนแตกง่าย ลูกปืนใหญ่กว่าเดิมเยอะ
  2. ระบบเบรกที่ดีขึ้น ก้านเบรกหนาถึง 3 นิ้ว
  3. มีรูอัดจารบีโดยที่ไม่ต้องถอดลูกปืนให้ยุ่งยาก อัดจารบี 1 ครั้ง วิ่งใช้งานได้ถึง 50,000 กิโลขึ้นไป
  4. มีระบบเบรกมือ ที่ทาง  TCPY   คิดค้นเป็นเจ้าแรกมานานกว่า  7  ปี  อย่างถูกกฎหมาย
  5. เป็นเจ้าตำนาน เป็นเจ้าแรกของประเทศไทย รับประกัน ทุกอย่างจดสิทธิบัตร
(!!!  สอบถามราคาได้ที่ช่องทางติดต่อคะ !!!
(อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก  Facebook  : TCPY เพลาลอยรถกระบะ)
 เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับรุ่นและข้อดีของเพลาลอยในแต่ละรุ่น

                 ที่ทางทีมงานเสรีไทยรถสวยนำมาฝากในวันนี้ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ มีเพื่อนๆหลายคนคงอยากทราบราคาอะไหล่ ของเจ้าตัว “เพลาลอยรถกระบะ” และราคาในการเสริมส่วนอื่นๆ ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ? ทางทีมงานเสรีไทยรถสวยได้หาข้อมูลราคาโดยประมาณมาให้บางส่วนแล้วคะ

  • ชุดเพลาลอยรถกระบะ (แล้วแต่ขนาดบรรทุก)(ตัน)

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่   22,400  – 35,500  บาท  (แล้วแต่รุ่น  แล้วแต่ปี)

ชุดเพลาลอย Pro  บรรทุกหนักทั่วไป   31  นิ้ว  อยู่ที่ชุดละ  22,400  บาท  โดยประมาณ

ชุดเพลาลอย Pro  บรรทุกหนักพิเศษ    32  นิ้ว  อยู่ที่ชุดละ  25,800  บาท  โดยประมาณ

ชุดเพลาลอย ELF  (แอ้ว , เอ้ว)              32  นิ้ว อยู่ที่ชุดละ  22,000  บาท  โดยประมาณ

ชุดเพลาลอย TCPY  30,31,32  นิ้ว      อยู่ที่ชุดละ  29,500 – 35,500  บาท  โดยประมาณ

  • ดามกระบะ บน + ล่าง       

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่   14,000  –  16,000  บาท  (บน 7,000-8,000) (ล่าง7,000-8,000)

  • กระทะผ่า + ยาง MICHELIN XCD2  

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่คู่ละ   9,700  –  10,000 บาท

  • กระทะผ่าของ TCPY (เฉพาะ กระทะผ่า)                  

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่ลูกละ  4,300  –  4,500 บาท

  • ยาง MICHELIN  XCD2   (เฉพาะ ยาง)       

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่คู่ละ   7,100  –  8,000  บาท

  • แหนบ                        

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่แผ่นละ 500  – 1,000  บาท

  • คอกรั้ว ขนาด 1.80 เมตร ไม่ว่าจะเป็น แป๊ปน้ำเงิน, แป๊บแดง หรือ แป๊ปน้ำเงินแซมเลส

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณอยู่ที่    15,000 – 25,000  บาท *ถ้าเป็นในส่วนของคอกมือสอง ขึ้นอยู่กับสภาพของคอกรั้วค่ะ*

                   หากคิดเป็นจำนวนเงินคร่าวๆ รวมทั้งชุดก็จะอยู่ที่ราว  ๆ   100,000  – 150,000 บาท  แล้วแต่เพื่อนๆคนไหนจะแต่งเติมเสริมอะไรบ้างคะ  (อ้างอิงข้อมูลราคาจากในสื่อ ของหลายๆร้านคะ)

ราคารถกระบะคอกเพลาลอย มือสอง!

ISUZU D-MAX  ตอนเดียว 3.0 S  ปี  2019 คอกเพลาลอย   

ราคาประมาณ   569,000  บาท

ISUZU D-MAX  ตอนเดียว 3.0 S  ปี  2018 คอกเพลาลอย 

ราคาประมาณ   539,000  บาท

 

(อ้างอิงราคาโดยประมาณจาก

https://www.taladrod.com  ณ วันที่ 24 มีนาคม 2564)

TOYOTA REVO  ตอนเดียว  2.8 J  PLUS ปี 2020 คอกเพลาลอย  

ราคาประมาณ  569,000 บาท

TOYOTA REVO  ตอนเดียว  2.8 J  PLUS ปี 2019 คอกเพลาลอย  

ราคาประมาณ  559,000 บาท

TOYOTA REVO  ตอนเดียว  2.8 J  PLUS ปี 2018 คอกเพลาลอย  

ราคาประมาณ  539,000 บาท

สำคัญอย่ามองข้าม!  รถที่ต้องบรรทุกหนัก ๆ  เป็นประจำ
โดยเฉพาะสาวกรถคอกที่ต้องทำเวลาในการขนส่ง  มาพังกลางทางหรือเกิดอุบัติเหตุ น่าจะเรียกได้เลยว่า นั่นคือ   “หายนะ”
ไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องเจอกับผลเสียเหล่านี้   
“เพลาลอยรถกระบะ”
จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับรถกระบะสายบรรทุกตัวจริง  “รถคอกเพลาลอย  ยืนหนึ่ง”   อยู่เหนือรถกระบะทั่วไป
ที่อยู่ : สี่แยกตาปาน อำเภอเมือง
จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
โทร :
095-030-4555
Facebook :
รถกระบะมือสองจังหวัดสุราษฎร์ธานี
Line : @surat999
ศูนย์รวมรถกระบะมือสอง สภาพป้ายแดง ฟรีดาวน์
Vigo Champ , Revo , All New D-Max , Triton ปี 2013-2019
เอกสารไม่ยุ่งยาก ออกได้ทุกอาชีพ
ไม่มีรถชนหนัก น้ำท่วม รับประกันซื้อคืน
มีบริการหลังการขาย 1 ปี
ศูนย์รวมรถกระบะมือสองสภาพป้ายแดง
ฟรีดาวน์ Vigo Champ , Revo , All New
D-Max , Triton ปี 2013-2019
เอกสารไม่ยุ่งยาก ออกได้ทุกอาชีพ
ไม่มีรถชนหนัก น้ำท่วม รับประกันซื้อคืน
มีบริการหลังการขาย 1 ปี
Posted in บทความ.